ข่าวสารทั่วไป

ข่าวสารทั่วไป (9)

สีของฉี่ บอกสุขภาพเราได้

12 มิถุนายน 2562 ข่าวสารทั่วไป

 สีของฉี่ บอกสุขภาพเราได้

 

เรื่องของฉี่มีมากกว่าที่คิด ฉี่บ่อยๆเกิดจากสาเหตุอะไร และสีของฉี่บอกสุขภาพอย่างไร มีคำตอบ

 ในหนึ่งวัน ถ้าฉี่น้อยกว่า 6 ครั้ง เกิดจากการดื่มน้ำน้อย  ฉี่ 6-8 ครั้ง เกิดจากการดื่มน้ำปกติ (2ลิตร/วัน)

หากฉี่มากกว่า 8 ครั้ง เกิดจากดื่มน้ำเยอะ แต่ถ้าฉี่บ่อยมากๆอาจเป็นโรคเบาหวาน

สีของฉี่บอกสุขภาพอย่างไร ให้สังเกตดังนี้

1.ฉี่สีชมพูหรือแดง อาจมาจากสีของอาหารหรือเลือดจากการอักเสบ โรคในระบบทางเดินปัสสาวะ

2.ฉี่สีฟ้าหรือเขียว ทางเดินปัสสาวะอาจติดเชื้อแบคทีเรีย

3.ฉี่สีส้ม อาการขารขาดน้ำ และอาจเป็นโรคที่เกี่ยวกับถุงน้ำดีและดีซ่าน

4.ฉี่สีน้ำตาล ผลข้างเคียงจากการใช้ยาหรือเป้นโรคทางพันธุกรรม

5.ฉี่มีฟองมากกว่าปกติ ทางเดินปัสสาวะติดเชื้อหรือเป็นโรคเรื้อรัง

6.ฉี่สีม่วง ถ้าตรวจฉี่แล้วพบว่ามีสีม่วง เกิดจากการกินยาแก้ง่วงหรือสารเสพติด

 

 

ใช้มองทุกวัน แต่เรากลับมองไม่เห็น สัญญาณอัตราย

14 พฤษภาคม 2562 ข่าวสารทั่วไป
บทความเสียงตามสาย ประจำวันจันทร์ ที่13 พฤษภาคม 2562
ใช้มองทุกวัน  แต่เรากลับมองไม่เห็น  สัญญาณอัตราย

                   พฤติกรรมการใช้สายตาของเราเปลี่ยนไปด้วย เราทำงานกับจอคอมพิวเตอร์ เราส่งสติกเกอร์สวัสดีวันจันทร์กับเพื่อนๆตั้งแต่เช้ามืด เราจ้องจอโทรศัพท์วันละหลายชั่วโมง  อ่านหนังสือในที่ที่มีแสงไม่เพียงพอ ออกไปเจอแสงแดดจ้า แต่ล่ะกิจกรรมนั้นยิ่งทำให้สายตาทำงานหนัก เซลล์ประสาทตาของเราเสื่อมก่อนถึงเวลาอันควร ทำให้เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมตั้งแต่อายุยังน้อย

ปัญหาเรื่องสายตากลายเป็นปัญหาใหญ่ด้านสาธารณสุข องค์การอนามัยโลกระบุว่า ในแต่ล่ะปีมีจำนวนผู้ที่มีปัญหาทางสายตาขึ้นเรื่อยๆ

                 จอประสาทตาเสื่อม ภัยเงียบที่ทำให้ โลกคุณมืดไปตลอดชีวิต  โรคจอประสาทตาเสื่อม เป็นโรคที่เกิดความผิดปกติบริเวณจุดศูนย์กลางการรับภาพของจอประสาทตา ทำให้เกิดจุดบอดขึ้นตรงใจกลางของภาพโดยที่ยังเห็นภาพด้านข้างชัดอยู่ เช่น จะเห็นว่ามีคนเดินเข้ามา แต่ไม่เห็นใบหน้าว่าเป็นใคร อาการจะเริ่มจาก มองเห็นภาพผิดไปจากเดิม เช่น ตาพร่ามัว มองเห็นภาพบิดเบี้ยว มองเห็นเส้นตรงป็นเส้นคด  จากเดิมจะเกิดเมื่อมีอายุมากขึ้น มักจะพบในผู้ที่อายุ 40-65 ปี จึงมักเรียกว่า  จอประสาทตาเสื่อมเนื่องจากอายุ แต่ปัจจุบันพบผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นอาการเสื่อมแบบเร็วและอันตรายมากกว่าเดิม

                 ความน่ากลัวของโรคนี้ไม่ใช่แค่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ตาบอดได้เท่านั้น แต่ยังเป็นมฤตยูเงียบ เพราะคนที่เป็นโรคนี้กว่าจะรู้ว่าจอประสาทตาเสื่อมก็แทบจะมองอะไรไม่เห็นแล้ว  ซ้ำร้ายยังเป็นโรคที่ยังไม่พบวิธีการรักษาให้หายขาดได้  และถ้าเป็นแล้วไม่ได้รับการรักษา มีโอกาสที่ดวงตาจะบอดสนิทได้ในไม่กี่ปี เพราะฉะนั้น  ถ้าไม่อยากเผชิญหน้ากับโรคนี้  ควรเริ่มต้นลงทุนดูแลสายตาตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะสายไป เริ่มตั้งแต่ลงทุนเวลา จัดสรรเวลาให้ตัวเอง ได้พักสายตาเมื่อต้องทำงานเป็นเวลานา ลงทุนซื้อของดีมีประโยชน์เพื่อกินบำรุงสายตา การดูแลตัวเองแค่วันละนิดไม่ใชเรื่องยาก และรับรองว่าผลกำไรที่ได้คือ การได้มองเห็นโลกสดใสไปอย่างยาวนาน

วิธีง่ายๆที่ช่วยถนอมสายตาไปอีกนานๆ

จากข้อมูลทางการแพทย์ขององค์การอนามัยโลกได้ระบุว่า 80% ของปัญหา เรื่องสายตานั้นสามารถรักษาหรือป้องกันได้  โรคจอประสาทตาเสื่อม  ก็เช่นกัน เริ่มจากดูแลตัวเองง่ายๆ ดังต่อไปนี้

ใส่แว่นกันแดด

ที่ป้องกันรังสียูวีได้อย่างน้อย 90%เมื่ออกไปเจอแสงแดดจ้า หรือ สวมแว่นป้องกันสายตาจากแสงสีฟ้าทุกครั้งที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์จะช่วยลดหรือะลอการเกิดโดรคนี้ได้

ปรับแสงและขนาดตัวหนังสือในจอโทรศัพท์มือถือ

เพื่อให้อ่านง่ายและควรอ่านจอในที่ที่มีแสงพียงพอเพื่อให้อ่านง่ายและควรอ่านจอในที่ที่มีแสงพียงพอ

จัดเวลาพักระหว่างนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์

ควรพักสายตาทุก 20 นาที เพื่อไม่ให้สายตาล้าจนเกินไป พักไปมองพื้นที่สีเขียวหรือสีฟ้า

กินผักผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ

เพื่อช่วยบำรุงสายตาและชะลอความเสื่อมของเซลล์

 

ข้อมูลจาก งานสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ รพ.บางกล่ำ

พฤติกรรมนำพา เชื้อดื้อยา

25 มีนาคม 2562 ข่าวสารทั่วไป
พฤติกรรมนำพา เชื้อดื้อยา
ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล ประธานคณะทำงานสร้างเสริมความเข้มแข็งภาคประชาชนด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (สยส.) ให้ข้อมูลว่า การดื้อยาเกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะ หรือยาต้านแบคทีเรียมากจนเกินไป ทำให้เชื้อแบคทีเรียมีการปรับตัวและพัฒนาตัวเองขึ้นจนกลายเป็น ซูเปอร์บัค (Super Bug) ที่ดื้อต่อยาและหายารักษาได้ยากจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตจากการติดเชื้อในที่สุด โดยปัจจุบันพบว่า ในทุก 15 นาทีมีคนไทย 1 คนตายเพราะเชื้อดื้อยา และพบว่ามีอัตราการเสียชีวิตจากเชื้อดื้อยาประมาณปีละ 20,000-38,000 คน การใช้ยาปฏิชีวนะที่แรงขึ้น ยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการแพ้ยาและผลข้างเคียงมากขึ้น

การจัดการขยะ

24 มกราคม 2562 ข่าวสารทั่วไป

            เนื่องด้วยโรงพยาบาลบางกล่ำประสบปัญหาการจัดการขยะ ทำให้เกิดปัญหาขยะล้น จึงขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ทุกท่านปฏิบัติตามแนวทาง JUST THREE NO หรือ นโยบาย 3 ไม่ เพื่อลดปริมาณขยะ ดังนี้

  1. NO DUMP (ไม่ทิ้ง) โดยการรับผิดชอบขยะของตนเอง เมื่อท่านนำขยะมาก็ขอให้ท่านนำขยะของอท่านกลับบ้านด้วย

  2. NO MAKE (ไม่ทำ) โดยการแยกขยะให้ถูกต้อง เช่น เศษอาหาร เปลือกผลไม้ ให้แยกใส่ถังให้ถูกต้อง เพื่อนำไปเป็นปุ๋ย และการแยะขยะรีไซเคิลเพื่อนำมาจำหน่ายเพื่อเพิ่มรายได้

  3. NO IMPORT (ไม่นำเข้า) โดยการนำขยะเข้ามาในโรงพยาบาลให้น้อยที่สุดหรือไม่นำเข้ามาเลย เช่น กล่องโฟมห้ามนำเข้ามาเด็ดขาด อาหารให้ใส่ปิ่นโตหรือกล่องแทนพลาสติก และแก้วน้ำควรเป็นแก้วที่ใช้ซ้ำได้

             ถ้าเจ้าหน้าที่ทุกท่านสามารถปฏิบัติได้ตามแนวทางทั้งหมดนี้ ใน 1 วันเราจะสามารถลดปริมาณขยะได้เป็นจำนวนมาก หวังว่าเจ้าหน้าทุกท่านจะปฏิบัติได้ตามนี้เป็นอย่างดี

 

ข้อมูลโดย งานประชาสัมพันธ์และสุขศึกษา รพ.บางกล่ำ

โรคพิษสุนัขบ้า

15 มกราคม 2562 ข่าวสารทั่วไป

          โรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคกลัวน้ำ เกิดจากเชื้อไวรัสเรบี่ส์เป็นได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด เช่น ชะนี  กระรอก กระแต โดยพบมากที่สุดในสุนัข และรองลงมาคือแมว

          คนและสัตว์รับเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าได้ เมื่อถูกสัตว์ที่เป็นโรคนี้กัดหรือข่วน โดยเชื้อจะอยู่ในน้ำลาย ถ้าเป็นสุนัขและแมวจะพบว่ามีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า ออกมากับน้ำลายตั้งแต่ก่อนแสดงอาการ 1-7วัน

อาการที่พบในคน

          ส่วนใหญ่ระยะฟักตัวของโรค ตั้งแต่ 3 สัปดาห์ ถึง 6 เดือนแต่บางรายมีระยะฟักตัวสั้นมากไม่ถึงสัปดาห์ หรืออาจนานเกิน 1 ปี อาการเริ่มแรกคือ เบื่ออาหาร เจ็บคอ มีไข้ อ่อนเพลีย มีอาการคันรุนแรงบริเวณที่ถูกกัดและลามไปส่วนอื่น กระสับกระส่าย กลัวแสง กลัวลม ไม่ชอบสียงดัง เพ้อเจ้อ กลืนลำบาก โดยเฉพาะของเหลว กลัวน้ำ ปวดท้องน้อยและขากล้ามเนื้อกระตุกแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เกร็ง อัมพาต หมดสติ และตายในที่สุด

การเตรียมตัวก่อนบริจาคโลหิต

08 มกราคม 2561 ข่าวสารทั่วไป

1.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ในเวลานอนปกติของตนเอง ในคืนก่อนวันที่จะมาบริจาคโลหิต

2.สุขภาพสมบูรณ์ทุกประการ ไม่เป็นไข้หวัด หรืออยู่ระหว่างรับประทานยาปฏิชีวนะใดๆ เช่น ยาแก้อักเสบ ต้องหยุดยาแล้วอย่างน้อย 7 วัน

3.ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ภายใน 6 ชั่วโมง ก่อนมาบริจาคโลหิต

4.การดื่มน้ำก่อนบริจาคโลหิต 30 นาที ประมาณ 3-4 แก้ว ซึ่งเท่าปริมาณโลหิตที่เสียไปในการบริจาคจะทำให้โลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น และช่วยลดภาวะการเป็นลมจากการบริจาคโลหิตได้

5.งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนมาบริจาคโลหิตอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

6.งดสูบหรี่ก่อนและหลังบริจาคโลหิต 1 ชั่วโมง

สารที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอาง

07 มกราคม 2562 ข่าวสารทั่วไป

           ปัจจุบันมีเครื่องสำอางที่โฆษณาอวดอ้างว่าทำให้ผิวขาวใส ออกวางจำหน่ายในท้องตลาดกันมาก ที่รู้จักกันว่า ครีมหน้าขาว ซึ่งเห็นผลได้เร็วในระยะสั้น และอาจตามมาด้วยผลข้างเคียงที่มีอันตราย เช่น เกิดรอยไหม้ดำ รอยแดง ผื่นแพ้ ผิวหนังบาง ผิวหนังอักเสบ หรือติดเชื้อ โดยสาเหตุของผลข้างเคียงที่เกิดเหล่านี้เกิดจากสารที่ห้ามใช้ที่เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางนั้นๆ ได้แก่ สารปรอท สารไฮโดรควิโนน สเตียรอยด์ และกรดเรติโนอิก

ผลข้างเคียงจากสารที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอาง

สารปรอท

         สารประกอบปรอททำให้เกิดอาการแพ้ ผื่นแดง เกิดฝ้าถาวร ผิวหนังบางลง เมื่อใช้ติดต่อกันเวลานานจะทำให้เกิดพิษสะสมที่ผิวหนัง และซึมสู่กระแสโลหิต ทำให้ตับและไตอักเสบ เกิดโลหิตจาง ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ในสตรีมีครรภ์ปรอทจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และไปสู่ทารก ทำให้เด็กมีสมองพิการ

สารไฮโดรควิโนน

         ผลข้างเคียงจากการใช้สารไฮโดรควิโนนเกินขนาด อาการแสบร้อน ตุ่มแดง ผิงหนังคล้ำบริเวณที่ทา หากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานานจะทำให้เกิดฝ้าถาวร เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง

สารสเตียรอยด์

          การใช้สเตียรอยด์ทาผิวหนังในความเข้มข้นสูง ใช้ผิดวิธี และฝใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานอาจก่อใหเกิดผลข้างเคียง เช่น ผดผื่นขึ้นง่าย ผิวหน้าบาง ผิวหนังไวต่อแสง เกิดสิวสเตียรอยด์

กรดเรติโนอิก

          ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง ผิวหนังลอก อักเสบ แพ้แสงแดดง่าย อาจจะเกิดภาวะด่างขาวหรือผิวคล้ำได้ชั่วคราว สารนี้ทำให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์

 

 

ข้อมูลโดย ฝ่ายสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ รพ.บางกล่ำ

วันรัฐธรรมนูญ ประวัติ ความเป็นมาวันรัฐธรรมนูญ

10 ธันวาคม 2561 ข่าวสารทั่วไป

วันรัฐธรรมนูญ ตรงกับวันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันที่ระลึกคล้ายวันที่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทาน รัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยามฉบับถาวร เพื่อเป็นหลักในการปกครองประเทศตามระบอบประชาธิปไตยให้แก่ประชาชนชาวไทย

ความเป็นมาวันรัฐธรรมนูญ

          การเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์การปกครองของชาติไทย เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาสิทธิราช ซึ่งเป็นระบอบการปกครองที่ใช้กันมาเป็นเวลา ๗๐๐ ปีเศษ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ